No weight gain while consuming foods heavily could be a sign of Your Diabetes condition.

<p>โรคเบาหวาน คือ ความผิดปกติของร่างกายที่ไม่สามารถใช้น้ำตาลได้ตามปกติ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และถูกขับออกมาทางปัสสาวะ และเพราะร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน เนื่องจากตับอ่อนผลิตออกมาไม่เพียงพอ หรือใช้ไม่ได้ตามปกติ เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงนาน ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง เช่น ทำให้หลอดเลือดเสียหาย จนทำลายอวัยวะต่าง ๆ เช่น ไต สมอง หัวใจ</p>
<p>&nbsp;</p>
<p style="text-align: center; color: #008080;"><span style="color: #00826a;"><strong>“โรคเบาหวาน เป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน”</strong></span></p>
<p>&nbsp;</p>
<p>ระดับของน้ำตาลในกระแสเลือด โดยปกติจะอยู่ที่ 70-120 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หากระดับน้ำตาลในเลือดเกิน 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ไตจะกรองน้ำตาลออกมา ทำให้สามารถตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะได้</p>
<h2></h2>
<h2 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ประเภทของโรคเบาหวาน</span></h2>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;"><strong>โดยโรคเบาหวานนั้น โดยทั่วไปแล้ว สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ</strong></span></p>
<ul>
<li><span style="color: #00826a;"><strong>เบาหวานประเภทที่ 1 (Type 1 Diabetes)</strong></span> เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ อาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว</li>
<li><span style="color: #00826a;"><strong>เบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes)</strong></span> เกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ หรือเกิดภาวะดื้ออินซูลิน อาการจะแสดงแบบค่อยเป็นค่อยไป</li>
</ul>
<h2></h2>
<h2 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">อาการของโรคเบาหวาน สังเกตเองได้ก่อน</span></h2>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">ในระยะแรก โรคเบาหวานจะไม่แสดงอาการผิดปกติ โดยอาจตรวจพบโรคเบาหวาน เมื่อตรวจพบภาวะแทรกซ้อน อาการของโรคเบาหวานแต่ละชนิดจะมีความคล้ายคลึงกัน อาการส่วนใหญ่ที่พบ ที่พอจะบ่งชี้ว่าคุณกำลังเป็นโรคเบาหวานมีได้หลายอาการ เช่น ปัสสาวะบ่อยครั้ง ปัสสาวะกลางคืน คอแห้ง กระหายน้ำ ดื่มน้ำมาก หิวบ่อย กินจุ  น้ำหนักลดหรือเพิ่มอย่างผิดปกติ เหนื่อยง่าย ผอมลง อ่อนเพลีย เป็นแผลหรือฝีง่ายแต่หายยาก คันตามผิวหนังและอวัยวะสืบพันธุ์ ตาพร่ามัว ชาปลายมือปลายเท้า ความรู้สึกทางเพศลดลง หากบิดามารดาเป็นเบาหวานมาก่อน ลูกก็จะมีโอกาสเป็นเบาหวานเพิ่มมากขึ้นถึง 6-10 เท่า</span></p>
<h2></h2>
<h2 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">การตรวจหาเบาหวาน</span></h2>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">ในการตรวจหาเบาหวานนั้น แพทย์จะสอบถามอาการผู้ป่วย ประวัติการเจ็บป่วยของผู้ป่วย และบุคคลในครอบครัว ร่วมกับการตรวจร่างกาย แต่สิ่งที่สำคัญคือ ต้องอาศัยการตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาลในเลือดเป็นหลัก โดยวิธีวิเคราะห์ระดับน้ำตาลในเลือดสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่</span></p>
<ul>
<li>การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เวลาใดก็ได้</li>
<li>การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด หลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง</li>
<li>การตรวจน้ำตาลเฉลี่ยสะสม หรือฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี</li>
<li>การทดสอบการตอบสนองของฮอร์โมนอินซูลิน ต่อระดับน้ำตาลในเลือด</li>
</ul>
<h2></h2>
<h2 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ภาวะแทรกซ้อนของโรค</span></h2>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">เบาหวาน เป็นโรคที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่าปกติ หากไม่มีการควบคุมเรื่องการกินอาหารและการดูแลรักษาสุขภาพอย่างถูกต้อง ปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเป็นเวลานาน จะส่งผลต่อเส้นเลือดที่นำสารอาหารไปเลี้ยงอวัยวะในร่างกายจนนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น</span></p>
<ul>
<li>โรคแทรกซ้อนที่เกิดกับเส้นเลือดขนาดเล็ก เช่น เบาหวานขึ้นตา โรคไต</li>
<li>โรคแทรกซ้อนชนิดที่เกิดกับเส้นเลือดขนาดใหญ่ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเส้นเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน</li>
<li>โรคแทรกซ้อนที่ระบบประสาท จนอาจทำให้ผู้ป่วยต้องสูญเสียอวัยวะบางส่วนได้ นอกจากนี้ สตรีมีครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวานจะมีความเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษ และการแท้งบุตรเพิ่มขึ้น</li>
</ul>
<h2></h2>
<h2 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">การรักษาโรคเบาหวาน</span></h2>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">การรักษาผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 1 จำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนอินซูลินเข้าไปทดแทนในร่างกายด้วยการฉีดยาเป็นหลัก ควบคู่กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายที่เหมาะสม </span><span style="color: #000000;">ในขณะที่โรคเบาหวานประเภทที่ 2 ในระยะเบื้องต้น สามารถรักษาได้ด้วยการกินอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนัก หากอาการไม่ดีขึ้นแพทย์อาจให้ยา หรือฉีดอินซูลินทดแทน เช่นเดียวกับโรคเบาหวานประเภทที่ 1</span></p>
<h2></h2>
<h2 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">การป้องกันโรคเบาหวาน</span></h2>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">สิ่งที่สำคัญที่สุด ในการป้องกันโรคเบาหวานทุกชนิด คือ ต้องหมั่นระวังระดับน้ำตาลในเลือด และคอเลสเตอรอลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอยู่เสมอ โดยไม่จำเป็นว่าต้องอ้วนหรือผอม เน้นการกินอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารครบถ้วน มีกากใยสูง หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หากเป็นสตรีมีครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ และไปพบแพทย์ตามนัดอย่าได้ขาด</span></p>


โรคเบาหวาน (Diabetes) โรคที่ใครๆ ก็รู้จัก แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่แค่คนอ้วนเท่านั้นที่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน แต่คนที่ผอมเพรียวก็มีสิทธิ์เป็นโรคเบาหวานได้เหมือนกัน! อีกทั้งคนผอมๆ อาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องร

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

กินเท่าไรก็ไม่อ้วน! สัญญาณเตือน “โรคเบาหวาน”

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล