“ท้องร่วงเฉียบพลัน” อย่าชะล่าใจ...เพราะคุณอาจโดน “โรต้าไวรัส” เล่นงาน!

พญาไท นวมินทร์

1 นาที

ศ. 27/03/2020

แชร์


Loading...
“ท้องร่วงเฉียบพลัน” อย่าชะล่าใจ...เพราะคุณอาจโดน “โรต้าไวรัส” เล่นงาน!

เมื่อไวรัสโรต้าแพร่ระบาด หลายคนก็ป่วยหนักจนต้องแอดมิดนอนโรงพยาบาล และแม้ดูเหมือนโรคติดเชื้อชนิดนี้จะพบได้บ่อยในเด็กเล็ก แต่รู้หรือไม่ว่า “ผู้ใหญ่” ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน! เรามาฟังรายละเอียดเรื่องนี้จาก พญ.ร่มเย็น ศักดิ์ทองจีน อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ รพ.พญาไท นวมินทร์ กัน

 

คุณรู้จัก “โรต้าไวรัส” ดีแค่ไหน?

โรต้าไวรัส (Rotavirus) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อและโรคติดต่อ ทำให้เกิดการอักเสบในกระเพาะอาหารและลำไส้ ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำปริมาณมาก มักมีอาการอาเจียน มีไข้และปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งแม้จะพบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี ซึ่งทำให้เกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ในผู้ใหญ่นั้นก็สามารถติดเชื้อไวรัสโรต้านี้ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ส่วนใหญ่จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าในเด็กเล็ก และมีเพียงบางรายเท่านั้นที่มีอาการรุนแรงมาก

 

ยิ่งอากาศหนาว…ไวรัสโรต้ายิ่งชอบ

สำหรับไวรัสชนิดนี้เชื้อจะเจริญเติบโตได้ดีและทนต่อสภาพแวดล้อมได้นาน โดยเฉพาะในที่แห้งและเย็น ดังนั้นจึงพบการติดเชื้อนี้ได้มากในฤดูหนาว โดยส่วนใหญ่จะพบในสถานที่ที่มีคนอาศัยอยู่รวมกันมากๆ เช่น โรงเรียน สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งการแพร่เชื้อของไวรัสชนิดนี้นั้นสามารถติดต่อกันได้หลายช่องทาง ทั้งการปนเปื้อนเชื้อในอาหาร น้ำดื่ม การสัมผัส ผ่านเข้าทางช่องปาก ซึ่งเชื้อจะไปเจริญอยู่ที่ผนังลำไส้ เกิดการอักเสบของเยื่อบุผนังลำไส้ ทำให้ไม่สามารถดูดซึมน้ำหรือสารอาหารได้ เกิดเป็นอาการท้องเสียฉับพลัน และยังสามารถแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นได้ทางอุจจาระ หรือที่เรียกว่า fecal-oral route

 

แค่เพียงเชื้อไม่กี่ตัว…ก็ติดต่อกันได้

หากผู้ป่วยมีอาการอุจจาระร่วงแล้วล้างมือไม่สะอาด มีเชื้อปนเปื้อนที่มือ แล้วมาหยิบจับสิ่งของหรืออาหาร ผู้ที่หยิบจับสิ่งของหรืออาหารต่อจากผู้ป่วยก็มีโอกาสรับเชื้อผ่านเข้าทางปากได้ ทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เพราะเชื้อเพียงไม่กี่ตัวก็ทำให้เกิดโรคได้ เพราะอย่างที่บอกว่าเชื้อนี้ทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี และสามารถมีชีวิตอยู่บนมือเราได้นานประมาณ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว จึงมีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อได้ง่ายนั่นเอง

 

เพราะผู้ใหญ่แสดงอาการน้อยกว่า…จึงพบโรคนี้ได้น้อยกว่าเด็ก

โดยทั่วไปโรคนี้สามารถเป็นได้ทุกวัย แต่ในผู้ใหญ่นั้นเมื่อได้รับเชื้อบางรายไม่มีอาการ บางรายมีอาการเล็กน้อย เช่น ท้องเสียไม่กี่ครั้ง ปริมาณไม่มาก ก็สามารถหายเองได้ ทำให้มักไม่มีการตรวจหาเชื้อนี้ในผู้ใหญ่ อีกทั้งสาเหตุที่ทำให้อุจจาระร่วงในผู้ใหญ่นั้นก็มีหลายสาเหตุ จึงทำให้ดูเหมือนว่าไม่ค่อยมีการติดเชื้อนี้ในผู้ใหญ่นั่นเอง

 

ท้องเสียรุนแรง ภาวะขาดน้ำ ยิ่งต้องระวัง!

อาการแสดงของการติดเชื้อมักเกิดขึ้นหลังได้รับเชื้อประมาณ 1-6 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดท้อง อ่อนเพลียร่วมด้วย ซึ่งสามารถหายได้เองหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น ในกรณีที่มีอาการรุนแรง จะถ่ายเหลวเป็นน้ำปริมาณมาก อาจจะถึง 10-20 ครั้งต่อวัน ไม่สามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้เลย จนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่ในร่างกาย บางรายเกิดภาวะช็อก เป็นสาเหตุให้อวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลว เช่น ไตวายเฉียบพลัน หัวใจเต้นผิดปกติ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องต้องระวัง!

 

ไม่มี “ยาต้านไวรัส” ต้องรักษาตามอาการอย่างใกล้ชิด

ในปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสโดยเฉพาะเพื่อขจัดเชื้อไวรัสนี้ การรักษาจึงเป็นการดูแลรักษาตามอาการและการให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทน ในรายที่อาการไม่รุนแรงสามารถรับประทานเองได้ จะใช้วิธีดื่มน้ำเกลือแร่ชดเชย (โอ อาร์ เอส)  เลือกรับประทานอาหารอ่อน และยาบรรเทาอาการ ส่วนในรายที่มีภาวะขาดสารน้ำค่อนข้างมาก อาเจียน ปวดท้อง และถ่ายเหลวตลอด ก็อาจเกิดอันตรายจากการขาดน้ำทำให้เกิดภาวะช็อก ความดันโลหิตต่ำ และเสียชีวิตได้ จึงควรพิจารณาให้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด

 

ห่างไกลไวรัสโรต้าได้…ด้วยการดูแลตัวเอง

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการใส่ใจในสุขอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ จะช่วยลดปัญหาการติดเชื้อนี้ได้ รวมถึงลดโอกาสการติดเชื้อโรคท้องร่วงท้องเสียอื่นๆ ด้วย เนื่องจากการล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่บ่อย ๆ ครั้งละประมาณ 15-20 วินาที จะช่วยชะล้างเชื้อโรคและสิ่งสกปรกออกจากมือของเรา ซึ่งเชื้อ Rotavirus นั้นไม่สามารถใช้แอลกอฮอล์เจลแทนการล้างมือได้ เพราะเป็นไวรัสกลุ่ม non-enveloped virus ซึ่งไวรัสกลุ่มนี้จะทนต่อกรด ต่อแอลกอฮอล์นั่นเอง

 

“การป้องกันอื่นๆ คือ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด ล้างผักและผลไม้ก่อนรับประทานอาหารเสมอ ปรุงอาหารให้สุก ในบ้านที่มีเด็กหรือผู้ป่วยทิ้งเศษอาเจียนและอุจจาระอย่างระมัดระวังโดยใช้ผ้าชุปน้ำหมาดๆ ซับเพื่อไม่ให้มีการฟุ้งกระจาย และทิ้งลงในถุงพลาสติกก่อนทิ้งขยะ ผู้ป่วยควรงดการประกอบอาหารเพราะจะสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ เด็กควรงดไปโรงเรียนหรือสถานที่รับเลี้ยงเด็กเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ หลีกเลี่ยงการเดินทางจนกว่าจะหายดี”


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...