การดูแลแผลผ่าตัดริดสีดวงทวารและฝีคัณฑสูตร

<p>หลังการผ่าตัดริดสีดวงทวารและฝีคัณฑสูตร คนไข้อาจยังรู้สึกเจ็บแผลในคืนแรก แต่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด และอาการมักจะทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดในวันรุ่งขึ้น ในขณะที่คนไข้บางรายอาจยังมีความกังวลเกี่ยวกับการผ่าตัดฝีคัณฑสูตรมากกว่าริดสีดวง เพราะเป็นโรคชื่อแปลกที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แต่แท้จริงแล้วแผลฝีคัณฑสูตรมักจะเจ็บน้อยกว่า และสามารถดูแลแผลผ่าตัดแบบถูกวิธีได้ง่ายๆ ดังนี้..</p>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a">การดูแลแผลหลังผ่าตัดริดสีดวงทวารและฝีคัณฑสูตร</span></h2>
<p><span style="color: #00826a"><strong> นายแพทย์ธีรสันติ์ ตันติเตมิท ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ประจำโรงพยาบาลพญาไท 2</strong></span> ได้แนะนำแนวทางการดูแลแผลหลังผ่าตัดริดสีดวงทวารและฝีคัณฑสูตรไว้ ดังนี้</p>
<ul>
<li>แผลสามารถถูกน้ำสะอาดได้ ใช้น้ำประปาล้างทำความสะอาดแผลได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเกลือ</li>
<li>อาจใช้ฝักบัวหรือสายชำระที่สะอาดฉีดล้างบริเวณแผลและทวารหนักได้</li>
<li>ควรใช้สบู่อ่อนล้างทำความสะอาดแผลเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน และหลังถ่ายอุจจาระเป็นอย่างน้อย</li>
<li>ควรล้างแผลหากรู้สึกเจ็บ แสบ คัน แฉะบริเวณก้นหรือทวารหนัก ล้างได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องล้างเฉพาะหลังขับถ่ายเพียงอย่างเดียว</li>
<li>ซับแผลให้แห้งเบาๆ หลังทำความสะอาด โดยใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่เนื้อนุ่ม ไม่ควรเช็ดแรง จะทำให้อักเสบหรือมีเลือดออกได้</li>
<li>ท่าที่เหมาะสมในการพักฟื้นหลังผ่าตัด คือ ท่านอนหงาย นอนตะแคง หรือนอนคว่ำ</li>
<li>กินอาหารได้ตามปกติ กินข้าวสวยได้ ไม่จำเป็นต้องกินเฉพาะอาหารอ่อน</li>
</ul>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a">สิ่งที่ควรรู้และข้อควรระวังหลังผ่าตัดริดสีดวงทวารหรือฝีคัณฑสูตร</span></h2>
<ul>
<li>ไม่ควรแช่ก้นในน้ำอุ่นหรือด่างทับทิมถ้าไม่จำเป็น</li>
<li>ควรพักหยุดงาน หลีกเลี่ยงการเดินมากๆ หรือนั่งนานๆ</li>
<li>หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์</li>
<li>วันรุ่งขึ้นที่ถ่ายอุจจาระครั้งแรกจะเจ็บแต่ไม่มากอย่างที่คิด</li>
<li>ไม่ควรนั่งเบ่งถ้าไม่รู้สึกปวดถ่าย</li>
<li>หลีกเลี่ยงการออกแรงเบ่งแรงๆ ควรออกแรงเบ่งน้อยกว่าปกติสักครึ่งหนึ่ง</li>
<li>เวลาถ่ายอาจมีเลือดออกเล็กน้อยเป็นหยดๆ และหยุดหลังถ่าย หากมีเลือดออกมากกว่านั้นควรปรึกษาแพทย์</li>
<li>ไม่ควรมีลิ่มเลือดออกมา</li>
<li>หลังผ่าตัดแผลอาจมีอาการบวมบริเวณปมไหมและทวาร ซึ่งจะคลำได้ตามจำนวนหัวริดสีดวงที่ตัดไปแล้ว และแผลจะยุบเมื่อไหมละลายหมดหลังผ่าตัดประมาณ 3 สัปดาห์เป็นต้นไป</li>
<li>หลังผ่าตัดฝีคัณฑสูตรคนไข้บางรายจะมีหนองและน้ำเหลืองออกมามากในช่วงแรก อาการเจ็บและน้ำเหลืองจะน้อยลงหลังผ่านสัปดาห์แรกไปแล้ว</li>
<li>หลังผ่าตัดฝีคัณฑสูตรประมาณ 1 สัปดาห์ สามารถทำกิจวัตรประจำวันและออกกำลังกายได้ตามปกติ</li>
<li>แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดริดสีดวงควรออกกำลังกายหลังผ่านไปสัก 2 สัปดาห์ เพราะอาจมีเลือดออกได้</li>
<li>แผลผ่าตัดริดสีดวงจะหายเป็นปกติภายในระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือน แต่ฝีคัณฑสูตรอาจใช้เวลาถึง 3 เดือน</li>
</ul>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a">ข้อสังเกตเรื่องการขับถ่ายหลังผ่าตัดริดสีดวงทวารและฝีคัณฑสูตร</span></h2>
<p><span style="color: #00826a"><strong>ถ่ายไม่ออกหรือไม่ถ่าย</strong></span></p>
<ul>
<li>หากขับถ่ายไม่ออกเกิน 2 วัน ควรใช้ยาระบายช่วย ได้แก่ MOM (Milk of Magnesia) 30 cc. หรืออาจใช้ยาสวนทวารร่วมด้วย ได้แก่ Unison, Fleet, Enema หรือ Glycerine เป็นต้น หากใช้แล้วไม่ได้ผลควรปรึกษาแพทย์</li>
</ul>
<p><span style="color: #00826a"><strong>ถ่ายบ่อยเกินไป</strong></span></p>
<ul>
<li>หลังผ่าตัดอาจรู้สึกปวดถ่ายไวกว่าปกติจึงทำให้ถ่ายบ่อย แต่ถ้าถ่ายบ่อยเกินไปจะไม่ดีกับแผลผ่าตัด ต้องรีบปรึกษาแพทย์</li>
</ul>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a">หลังผ่าตัดริดสีดวงทวารหรือฝีคัณฑสูตร หากมีอาการต่อไปนี้ต้องรีบมาพบแพทย์</span></h2>
<ul>
<li>ถ่ายเป็นลิ่มเลือดปริมาณมากโดยไม่ค่อยมีอุจจาระออกมา</li>
<li>เจ็บแผลมาก มีไข้ ปวดตลอดเวลา มีหนองหรือน้ำเหลืองออกมาในปริมาณมาก</li>
<li>มีไข้สูงไม่ทราบสาเหตุและซึมลง</li>
</ul>


การผ่าตัดริดสีดวงทวารและฝีคัณฑสูตร คนไข้อาจรู้สึกเจ็บแผลในคืนแรก ซึ่งบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด และส่วนใหญ่อาการจะทุเลาลงอย่างชัดเจนในวันรุ่งขึ้น และหลายคนสามารถลุกขึ้นนั่งเดินได้ตามปกติ

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

การดูแลแผลผ่าตัดริดสีดวงทวารและฝีคัณฑสูตร

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล