เมื่อลูกเป็นหวัด มีไข้ ดูแลอย่างไรให้หายดี?

พญาไท 1

2 นาที

ศ. 27/03/2020

แชร์


Loading...
เมื่อลูกเป็นหวัด มีไข้ ดูแลอย่างไรให้หายดี?

โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ที่เด็กๆ เป็นกันบ่อยที่สุด คงหนีไม่พ้นโรคหวัดหรือไข้หวัด ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ อาการของโรคหวัดทั่วไปก็ได้แก่ คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ มีเสมหะ เจ็บคอ ไอ จาม เสียงแหบ อาจมีอาการไข้และปวดศีรษะเล็กน้อย การรักษาก็จะเป็นไปในลักษณะประคับประคองอาการ การให้ยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ ยาแก้ไอ-เจ็บคอ ร่วมกับการดูแลตัวเองด้วยการดื่มน้ำมากๆ ไม่ดื่มน้ำเย็น รักษาร่างกายให้อบอุ่น ก็จะทำให้เด็กส่วนใหญ่หายเป็นปกติในไม่กี่วัน ในช่วงนี้เองที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด

 

วัดไข้เด็กให้รู้แน่ชัด

เมื่อเห็นว่าลูกไม่สบาย ร้องโยเย มีอาการซึม ดื่มนมหรือดื่มน้ำได้น้อย เบื่ออาหาร หากแตะบริเวณหน้าผากและคอแล้วรู้สึกอุ่นๆ ควรทำการวัดไข้และจดเป็นสถิติไว้ อุณหภูมิที่วัดได้มีความสำคัญเป็น 3 ระดับ ดังนี้

  • ระหว่าง 37.5- 38.0 องศาเซลเซียส เรียกว่า มีไข้ต่ำ
  • มากกว่า 38.0 องศาเซลเซียส เรียกว่า มีไข้สูง หากดูแลเด็กอย่างถูกวิธีแล้วไข้ไม่ลดลงควรพาเด็กไปพบแพทย์
  • มากกว่า 41.5 องศาเซลเซียส เรียกว่า มีไข้สูงมากและเข้าขั้นวิกฤต ต้องพาเด็กไปพบแพทย์ทันที ซึ่งผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้ไข้สูงถึงจุดนี้ เพราะจะเป็นอันตรายจนอาจเสียชีวิตได้

การวัดไข้ควรจดตัวเลขไว้ทุกครั้ง และวัดใหม่ทุก 4-6 ชั่วโมง เพื่อดูว่าไข้ลดหรือเพิ่มมากน้อยเพียงใด หากเช็ดตัว กินยา และดูแลอย่างดีถึง 48 ชั่วโมงแล้วแต่ไข้ยังไม่ลดลงควรพาเด็กไปพบแพทย์ และหากอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหัว อาเจียน กินข้าวไม่ได้ ซึม เหงื่อออกมาก และไข้ไม่ลดลงใน 24 ชั่วโมงก็ควรพาไปแพทย์เช่นกัน

 

เช็ดตัวลดไข้

การเช็ดตัวไม่ควรใช้น้ำเย็นเพราะจำทำให้หลอดเลือดหดตัว ร่ายกายจะระบายความร้อนได้ไม่ดี อีกทั้งเด็กจะหนาวสั้นหรือชักได้ ควรใช้ผ้าชุบน้ำที่อุ่นกว่าอุณหภูมิห้องแต่เย็นกว่าร่างกายเด็ก บิดให้หมาด เช็ดและประคบผิวหนังบริเวณที่เป็นจุดรวมของหลอดเลือด เช่น ศีรษะ หน้าผาก ซอกคอ หลังหู รักแร้ ขาหนีบ ก้นกบ และควรประคมผ้าไว้ตรงข้อพับต่างๆ เพื่อช่วยความร้อนถ่ายเทจากภายในสู่ผิวหนังและมาสู่ผ้า โดยเตรียมผ้าผืนเล็กๆ ไว้ 2-3 ผืน การเช็ดตัวให้เช็ดจากปลายมือและปลายเท้าสู่ลำตัวเพราะเป็นการเช็ดย้อนรูขุมขนให้เปิด ทำให้ระบายความร้อนดี ใช้เวลาราว 10-15 นาที เมื่อพบว่าตัวเด็กเย็นลงแล้วให้เช็ดตัวให้แห้ง สวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี ควรวัดไข้เด็กอีกครั้งหลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้ว 30 นาที หากเด็กกลับมามีไข้สูงควรเช็ดตัวซ้ำ

 

การให้ยาลดไข้

เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ถ้ามีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ควรให้ยาพาราเซตามอล ทั้งนี้ควรกินตามที่ฉลากยาหรือขนาดที่เภสัชกรแนะนำ ยาจะออกฤทธิ์หลังจากกินแล้วราว 30 นาที หากไข้ยังไม่ลดใน 4 ชั่วโมงสามารถกินยาได้อีก แต่หากเด็กมีไข้สูงมากก็ไม่ควรให้ยาลดไข้เอง เพราะอาจทำให้เลือดออกในกระเพาะอาหาร ควรพาไปพบแพทย์จะดีกว่า

 

แผ่นเจลลดไข้

เด็กที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไปสามารถใช้แผ่นเจลลดไข้ได้ ความเย็นจากแผ่นเจลจะช่วยลดไข้และทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว และยังบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ด้วย ก่อนซื้อใช้ควรดูว่าเป็นแผ่นเจลที่ได้มาตรฐาน ไม่มีสารแต่งสีหรือสารเคมีที่เป็นอันตราย และไม่ควรนำแผ่นเจลแช่ในช่องแช่แข็ง เพราะหากผิวอ่อนๆ ของเด็กสัมผัสกับความเย็นจัดผิวอาจไหม้ได้ แผ่นเจลที่ใช้แล้วไม่ควรนำมาใช้ซ้ำ

 

ดื่มน้ำลดไข้

การให้เด็กดื่มน้ำอุ่น น้ำอุณหูภูมิห้อง หรือน้ำผลไม้บ่อยๆ (ไม่ดื่มน้ำเย็น) จะช่วยชดเชยการสูญเสียน้ำทางเหงื่อ ป้องกันร่างกายขาดน้ำ น้ำยังเป็นตัวช่วยให้ร่างกายเย็นลง แถมยังลดอัตราการเผาผลาญอาหารจึงช่วยลดการสร้างความร้อนในร่างกายอีกทางหนึ่ง การดื่มน้ำมากๆ ยังเพิ่มการกำจัดของเสียออกทางปัสสาวะได้ด้วย

 

เสื้อผ้าเบาสบายตัว

สวมเสื้อผ้าที่สบายตัว เช่น ผ้าฝ้าย ไม่ควรสวมเสื้อยืดหรือผ้าสำลีที่มีความหนา หรือเสื้อและกางเกงขายาว เพราะจะทำให้ร่างกายระบายความร้อนออกยาก หากเด็กมีเหงื่อออกมากควรเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ทุกครั้ง

 

กินบ่อยๆ ที่ละน้อย

เด็กที่ไม่สบายส่วนใหญ่ก็จะเบื่ออาหาร คุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กทานอาหารที่เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย หรืออาหารที่มีน้ำอยู่ด้วย เช่น ข้าวต้ม หรือโจ๊ก ซุป ไม่ควรกินอาหารรสจัด เค็มจัด หวานจัด หรืออาหารมันๆ ที่ย่อยยาก

 

ดูแลปากให้สะอาด

เมื่อเด็กมีไข้ ปากจะแห้งกว่าปกติ ควรให้เด็กจิบน้ำ ดื่มน้ำ และบ้วนปากบ่อยๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้แปรงฟันด้วย การจิบน้ำบ่อยๆ ทำให้เยื่อบุในช่องปากชุ่มชื้น ช่วยลดกลิ่นปากและเชื้อโรคในช่องปาก ป้องกันการเกิดแผลและการติดเชื้อในปาก แถมยังเป็นการกระตุ้นให้เด็กอยากกินอาหารได้ด้วย

 

พักผ่อนนอนหลับในที่อากาศถ่ายเท

เมื่อไม่สบาย ควรพักผ่อนมากกว่าปกติ อย่าเพิ่งพาออกไปนอนบ้านโดยเฉพาะในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ควรจัดห้อง ที่พัก ที่นอน ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก สะอาด ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ หากจำเป็นต้องเปิดพัดลมก็ไม่ควรให้ลมพัดมาโดนตัวเด็กตรงๆ

 

เด็กชักต้องทำอย่างไร ?

หากเด็กมีอาการชัก ให้จับเด็กนอนตะแคงหน้าไปข้างใดข้างหนึ่งโดยไม่ต้องหนุนหมอน เพื่อให้ของเหลว เช่น เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ไหลออก กันการสำลัก ห้ามเอาสิ่งของ ช้อน หรือแม้แต่นิ้วมืองัดปากเด็ก งดป้อนยาและน้ำทางปากให้เด็กตอนเด็กชักหรือตอนที่เด็กหมดสติไม่รู้สึกตัว ถ้าเด็กมีไข้สูงควรรีบเช็ดตัวแล้วพาเด็กไปพบแพทย์ให้ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของการชักเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงการดูแลเบื้องต้นในกรณีที่เด็กมีไข้ไม่สูงนัก หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาได้ อย่างไรก็ดี หากเด็กมีไข้และคุณพ่อคุณแม่พร้อมที่จะพาไปหาหมอก็ควรทำทันทีจะดีกว่า


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...