โดยปกติแล้ว ในสมองของคนเราจะมีค่าระดับความดันที่เป็นปกติอยู่ ซึ่งการมี ‘ก้อนเนื้องอก’ จะส่งผลให้ความดันในสมองของเราสูงขึ้น แต่ลักษณะของความดันในสมองนั้นจะเป็นไปในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป ในระยะแรกจึงมีเพียงแค่อาการปวดหัว… ทำให้แยกออกจากอาการปวดหัวทั่วไปได้ยาก แต่หากก้อนเนื้องอกมีขนาดโตขึ้น ก็จะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย
อาการเตือนแบบไหน เสี่ยงเนื้องอกในสมอง
- ปวดหัว โดยมักมาพร้อมกับอาการคลื่นไส้อาเจียนในทันที เนื่องจากก้อนเนื้อมีขนาดโตขึ้น และมีภาวะสมองบวมร่วมด้วย
- บ้านหมุน เดินเซ ทรงตัวไม่อยู่
- แขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
- พูดจาติดขัด ปากเบี้ยว
รู้หรือเปล่า? ความเครียด…ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงเนื้องอกในสมองนะ
ความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ไม่ได้ส่งผลหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในสมอง แต่อาจส่งผลให้มีอาการปวดหัว ที่เป็นในลักษณะของอาการปวดหัวทั่วไป คือ ไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น แขนขาอ่อนแรง หรือปากเบี้ยว ร่วมด้วยเลย
ตรวจพบเนื้องอกในสมอง ต้องผ่าตัดเท่านั้น…จริงหรือเปล่า ?
โดยส่วนใหญ่เมื่อตรวจพบเนื้องอกในสมองมักจะต้องผ่าตัด! เพียงแต่ว่า…การผ่าตัดนั้นจะเป็นการผ่าตัดวิธีใดหรือรูปแบบไหน ซึ่งเหตุผลที่จำเป็นต้องผ่าตัดนั้น เนื่องจากการตรวจสมองด้วย CT Scan หรือ MRI แพทย์จะเห็นเป็นภาพลักษณะเหมือนก้อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังมีอีกหลายๆ โรคที่ทำให้เกิดลักษณะคล้ายก้อนเนื้องอกในสมองได้ เช่น ซีสต์ ฝีที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือฝีที่เกิดจากวัณโรค ดังนั้น การผ่าตัดเพื่อนำชิ้นเนื้อดังกล่าวมาตรวจ ก็จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง ซึ่งการรักษาจะมีความแตกต่างกันไปตามโรคที่ได้รับการวินิจฉัย
จุดประสงค์ของการผ่าตัดนั้น แบ่งเป็น 2 ข้อ คือ
- เพื่อนำชิ้นเนื้อมาตรวจวินิจฉัย โดยตัดชิ้นเนื้อเพียงบางส่วนมาส่งตรวจ
- เพื่อรักษาเนื้องอกในสมอง โดยตัดก้อนเนื้องอกออกทั้งหมด
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยหลักสำคัญในการพิจารณา เช่น ขนาดของก้อนใหญ่แค่ไหน หรือตำแหน่งของก้อนอยู่ลึกแค่ไหน อาจส่งผลอันตรายต่อคนไข้หลังการผ่าตัดมากหรือน้อยแค่ไหน เป็นต้น
ผ่าตัดเนื้องอกในสมอง…ต้องเปิดกะโหลกหรือไม่ ?
ในการผ่าตัดนำก้อนเนื้องอกในสมองออกมาจำเป็นต้องเปิดกะโหลก เพียงแต่ในกรณีที่แพทย์ต้องการเพียงชิ้นเนื้อเพื่อนำมาส่งตรวจเพิ่มเติม อาจเป็นในรูปแบบของการเจาะกะโหลกแล้วใช้เข็มสอดเข้าไป เพื่อทำการตัดชิ้นเนื้อออกมา แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นกรณีการผ่าตัดรักษาเนื้องอกในสมอง… ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้ไม่ต้องเปิดกะโหลกเป็นแผลใหญ่ จึงไม่น่ากลัวหรือมีอันตรายอย่างที่คนไข้หลายคนกังวล
Navigator อีกหนึ่งตัวช่วย…ให้การผ่าตัดสมองให้ปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ณ ปัจจุบัน จะมีการใช้กล้อง microscope ที่มีกำลังขยายสูง จึงช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถเห็นภาพได้อย่างละเอียด การผ่าตัดจึงปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นแสงที่ช่วยส่องสว่างเหมือนกับไฟฉาย ช่วยให้ศัลยแพทย์มองเห็นก้อนเนื้องอกที่อยู่ในตำแหน่งลึกๆ ได้ รวมทั้งการนำระบบเนวิเกเตอร์ (Navigator) มาช่วยในการนำทาง เสมือนระบบ GPS นำทางรถยนต์ เพื่อไปยังจุดหมายได้โดยตรง
“ก้อนเนื้องอกก็เหมือนจุดหมายปลายทาง เราต้องวางแผนการเดินทางว่าเราจะเริ่มต้นตรงจุดไหน ซึ่งหมายถึงตำแหน่งของการเปิดกะโหลกที่ถูกต้อง เพื่อไปถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่หลงทิศ ช่วยให้การผ่าตัดมีความแม่นยำมาก แต่หากเราไม่มีตัวช่วยในการนำทาง การคลาดเคลื่อนไปเพียงหลักเซนติเมตรก็สร้างความเสียหายให้กับสมองได้แล้ว การนำทางนี้ยังช่วยให้ศัลยแพทย์ไม่ต้องเปิดกะโหลกเป็นแผลใหญ่ในการผ่าตัดก้อนเนื้องอก”
อุ่นใจกว่า…เพราะมีนวัตกรรมช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังผ่าตัด
ในกรณีที่ก้อนเนื้องอกอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ อาจหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงค่อนข้างยาก เช่น อยู่ในสมองส่วนที่ควบคุมการพูด หรือสมองส่วนที่ควบคุมแขนขา ที่หากได้รับความเสียหายก็อาจส่งผลให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ ซึ่งทั้งนี้ เราต้องควบคุมผลข้างเคียงเหล่านี้ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด การมีเครื่องมือที่ดีจึงช่วยลดความเสี่ยงเหล่านั้นได้
หลังผ่าตัด “เนื้องอกในสมอง” จะมีโอกาสเกิดซ้ำหรือไม่?
เมื่อผู้ป่วยผ่าตัดเนื้องอกในสมองแล้ว จะมีโอกาสเกิดซ้ำหรือไม่นั้น ก่อนอื่นต้องแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มเนื้องอกร้ายแรงหรือมะเร็ง ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว ต้องมีการรักษาร่วมกับวิธีอื่น เช่น การฉายแสง
- กลุ่มเนื้องอกธรรมดา ซึ่งโอกาสเกิดซ้ำจะขึ้นอยู่กับว่า ในการผ่าตัดนำก้อนเนื้องอกออกมานั้น ทำได้หมดหรือไม่ หากตัดก้อนเนื้องอกออกมาได้หมด โอกาสเกิดซ้ำก็มีน้อยมาก คือไม่ถึง 10%