การมีลูกยากอาจเป็นปัญหาใหญ่ของคู่สมรสในอดีต แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์

ทำให้ปัญหาที่ว่าแทบหมดไป ด้วยเทคโนโลยีช่วยในการเจริญพันธุ์ ซึ่งมีมากมายหลายวิธี วันนี้ พญ. นพรัตน์ ไชยบูรณะพันธ์กุล สูตินรีแพทย์ เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้มีบุตรยากและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ รพ. พญาไท 3 จะมาอัปเดตวิธีที่ช่วยให้คู่สามีภรรยา ได้มีลูกสมความตั้งใจ

เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ มีอะไรบ้าง

คุณหมอนพรัตน์ อธิบายถึงเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการรักษาภาวะมีลูกยาก ซึ่งเป็นที่นิยมและมีประสิทธิภาพ ว่าประกอบด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. การผสมเทียมโดยการฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก : IUI (Intrauterine Insemination)แพทย์จะกระตุ้นไข่ด้วยการใช้ยารับประทานหรือฉีดยาร่วมด้วย แล้วติดตามการเจริญเติบโตของไข่ด้วยการอัลตราซาวน์ เมื่อทราบวันไข่ตกก็จะนัดฝ่ายชายมาเก็บอสุจิเพื่อนำไปคัดเลือกหาอสุจิที่ดี ก่อนนำไปฉีดเข้าโพรงมดลูกโดยตรงเพื่อให้มีการปฏิสนธิตามธรรมชาติ วิธีนี้มีโอกาสตั้งครรภ์ 15-20% แต่กรณีที่เชื้อคุณภาพไม่ดีหรือผู้หญิงอายุมาก โอกาสตั้งครรภ์จะลดลง
2. การปฏิสนธิภายนอกร่างกายหรือการทำเด็กหลอดแก้ว : IVF (In-vitro Fertilization)วิธีนี้เป็นที่นิยม เริ่มด้วยการกระตุ้นไข่ให้ได้ปริมาณมากกว่าไข่ในรอบการฉีดเชื้อ IUI ใช้ยาฉีดต่อเนื่อง 8-12 วันโดยเฉลี่ย และติดตามการเจริญเติบโตของฟองไข่ด้วยการอัลตราซาวน์ทุก 3-5 วัน เมื่อถึงระยะไข่
3. การทำอิ๊กซี่ : ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection)การฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่เป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำ IVF อิ๊กซี่จะใช้ในกรณีที่ฝ่ายชายมีอสุจิที่คุณภาพไม่ดี ไม่สามารถปฏิสนธิกับไข่ได้เอง หรือในกรณีที่ผู้ชายมีปัญหาไม่มีตัวอสุจิในน้ำเชื้อและใช้ตัวอสุจิที่นำมาจากลูกอัณฑะหรือหลอดอสุจิโดยตรง โดยการเจาะอันฑะหรือการผ่าตัดบริเวณอัณฑะ ได้แก่การทำ PESA (Percutaneous Epididymis Sperm Aspiration), MESA (Microsurgical Eqididymal Sperm Aspiration) หรือ TESE (Testicular Biopsy Sperm Extraction)

ทั้งนี้ความสำเร็จในการตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของอายุ จำนวนและคุณภาพของไข่ โรคของตัวมดลูก และคุณภาพของอสุจิ ดังนั้นคู่สมรสควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองและคู่ให้มากที่สุด

เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์…นวัตกรรมเพื่อคนมีลูกยาก