“หมอเคยมีคนไข้มะเร็งหลอดอาหารที่ดูแล้วว่ายังแข็งแรงพอที่จะสู้การรักษาไว้ อีกอย่างเพราะคนไข้เป็นคุณพ่อที่มีลูกเล็กๆ หมอก็อยากให้สู้กันสักตั้งเพราะหมอเองก็มีลูก เคสนี้ใช้เวลารักษาอยู่พอสมควรแต่ก็ประสบความสำเร็จ คนไข้หายดี ทุกวันนี้เขายังพาครอบครัวได้มาสวัสดีหมอบ่อยๆ เจอกันทีไรก็มีคำขอบคุณให้หมอเสมอ”

“มะเร็ง” จุดประกายสู่การเป็นหมอเฉพาะทางด้านทางเดินอาหาร

นพ. วิศิษฏ์ เกษตรเสริมวิริยะ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องกระเพาะและทางเดินทางอาหาร ที่ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคุณหมอเล่าว่า. . .

“ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอุบัติการณ์เกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก สาเหตุสำคัญก็มาจากพันธุกรรมและลักษณะของอาหารการกินที่ทำให้มีการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในกระเพาะอาหารค่อนข้างง่าย เมื่อโรคเยอะจึงมีการศึกษาและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ค่อนข้างมาก ผลการรักษาและการผ่าตัดเลาะมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองของญี่ปุ่นจึงมีประสิทธิภาพสูง ทั้งยังเป็นที่แพร่หลายและได้รับการยอมรับทั้งจากประเทศจีนและเกาหลี ส่วนตัวหมอเองได้ศึกษาด้านการผ่าตัดส่องกล้องกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารส่วนต้น ที่มหาวิทยาลัยกิวชิว ซึ่งที่นั่นจะมีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องการรักษาและการตรวจคัดกรองโรคที่ดี ทำให้เจอคนไข้ในระยะที่หนึ่งและสองได้เร็ว ทั้งยังมีเทคนิคการผ่าตัดที่ละเอียดมากๆ ด้วย”

“มะเร็งหลอดอาหาร” เคสประทับใจที่ตอกย้ำว่า…ความสำคัญไม่ได้อยู่แค่ที่หมอ

เมื่อคุณหมอวิศิษฐ์ กลับจากประเทศญี่ปุ่น คุณหมอได้เริ่มนำเทคนิคการผ่าตัดใหม่ๆ มาใช้รักษาคนไข้ แต่เนื่องจากคนไข้ด้านนี้ในประเทศไทยจะไม่เยอะมาก และระบบการคัดกรองของไทยยังไม่ดีนัก จึงมักพบโรคในระยะที่สามหรือสี่แล้ว แต่ทุกครั้งที่พบเคส คุณหมอก็จะพิจารณาถึงการรักษาร่วมกับคนไข้ เพื่อต่อสู้เอาชนะมะเร็งให้ได้. . .

“ผู้ป่วยมะเร็งรายหนึ่งอายุ 40 กว่าๆ มีอาชีพเป็น รปภ. ซึ่งโดยสภาพทั่วไปของร่างกายแล้วยังแข็งแรงพอจะต่อสู้กับโรคได้ หมอก็ให้กำลังใจ และเน้นย้ำว่า เราต้องรักษาตัวเพื่อครอบครัว วันหนึ่งหมอก็เห็นคนไข้พาลูกเล็กๆ มาด้วย หมอก็มีแรงผลักดันของ ‘ความเป็นพ่อ’​ ที่อยากจะร่วมต่อสู้ไปกับคนไข้ เพราะหมอก็มีลูกเล็กเช่นกัน คนไข้เองก็ตกลงจะสู้เพื่อลูก ในที่สุดผลการรักษาก็สำเร็จ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี ทุกวันนี้คนไข้ก็ยังพาครอบครัวแวะเวียนมาหาอยู่เรื่อยๆ แม้ไม่ได้มาตรวจรักษา แต่ก็มาเพื่อขอบคุณหมออยู่เสมอ”

จากความเชี่ยวชาญในการดูแลคนไข้มะเร็งกระเพาะและทางเดินอาหาร คุณหมอได้เริ่มงานด้านการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วนและการลดน้ำหนัก ซึ่งสามารถใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบเดียวกันได้ เพราะกลุ่มคนไข้มะเร็งที่ต้องตัดกระเพาะอาหารกับกลุ่มคนไข้โรคอ้วนแล้วมาผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้น ต้องมีการวิเคราะห์ และวินิจฉัยอย่างรอบด้านเหมือนกัน เพราะไม่ใช่ว่าคนไข้ทุกคนจะมีความพร้อมสำหรับการผ่าตัด จะต้องดูภาพรวมของสุขภาพและโรคต่างๆ ที่คนไข้มีอยู่ประกอบการวินิจฉัยด้วย

เทคโนโลยีไปไกลแค่ไหน ยิ่งต้องพัฒนาไปให้ไกลกว่านั้น

บนวิถีการทำงานและความรับผิดชอบที่ต้องดูแลชีวิตคนไข้ คุณหมอก็เป็นเหมือนความหวังทั้งต่อคนไข้และญาติคนไข้ คุณหมอวิศิษฏ์ ได้กล่าวถึงหลักในการทำงานว่า. . .

“เราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของตน และหน้าที่หนึ่งของหมอคือต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ วันนี้เทคโนโลยีการรักษามะเร็งนั้นดีขึ้นมาก แล้วในวันหน้าย่อมจะต้องก้าวไปอีกไกล เราจึงต้องพัฒนาความรู้และฝีมือของตนเองให้ทันกับเทคโนโลยี และถ้าพัฒนาได้ไกลกว่าเทคโนโลยีก็จะยิ่งยอดเยี่ยม วันหนึ่ง ถ้าเราหยุดพัฒนา หมอว่ามันไม่แฟร์กับคนไข้ ถ้าเราเป็นคนไข้เราก็อยากเจอหมอเก่งๆ หมอที่ทุ่มเทการรักษา หมอยกตัวอย่างเมื่อก่อนนี้ การผ่าตัดมะเร็งกระเพาะอาหารใช้เวลานาน การผ่าตัดหลอดอาหารต้องเปิดแผล 3-4 แผล แต่ปัจจุบันจะเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง หมอต้องพัฒนาฝีมือ ต้องเลือกทางที่ปลอดภัยและให้ผลดีที่สุดสำหรับคนไข้ โดยให้คนไข้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจจากข้อมูลที่เป็นจริง โดยมีหมอเป็นผู้รักษาให้”