ผู้ใหญ่ในบ้านชอบบ่นปวดหลัง เดี๋ยวเมื่อยขาบ้าง เมื่อยหลังบ้าง ต้องพักบ่อยๆ อย่าวางใจเพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของ “โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบทับเส้นประสาท” ที่เกิดจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูก ยิ่งสูงวัยก็ยิ่งเสี่ยง…

ภาวะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

นอกจากผู้สูงวัยที่มักมีความเสื่อมของหมอนรองกระดูก เส้นเอ็นและข้อต่อแล้ว ยังเป็นโรคที่เป็นมาแต่กำเนิดได้ด้วย เมื่อหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมหรือทรุดตัวลง ข้อต่อจะเกิดการกระทบและเสียดสีกันทำให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น จากการที่ร่างกายพยายามรักษาตัวเองโดยธรรมชาติเพื่อเพิ่มความแข็งแรง แต่การขยายใหญ่ของข้อต่อนี่เองที่ทำให้เส้นประสาทที่อยู่ภายในโพรงกระดูกสันหลังถูกเบียดหรือกดทับ ทำให้เกิดอาการปวดตามเส้นประสาทภายในร่างกาย

ปวดหน่วงที่เอวแบบเป็นๆ หายๆ มีอาการเหล่านี้อย่าปล่อยไว้

ปวดหลังแบบหน่วงๆ ตึงๆ ที่หลังส่วนเอว
ปวดเรื้อรังแบบเป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะบริเวณส่วนกลางของเอวและปวดร้าวลงไปที่ขา หากปล่อยให้เบียดทับเส้นประสาทไปเรื่อยๆ อาการจะรุนแรงขึ้น ทำให้มีอาการปวด ชา หรือกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง

โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบรักษาได้…

เบื้องต้นแพทย์จะรักษาตามอาการคือให้ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาบำรุงเส้นประสาทเพื่อบรรเทาอาการปวดและชา ออกกำลังกายหรือให้ทำกายภาพบำบัดเพื่อชะลอความเสื่อมของข้อต่อ และชะลอการตีบของโพรงกระดูก

แต่ถ้าหากปวดจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ แพทย์จะวินิจฉัยให้ผ่าตัดด้วยนวัตกรรมการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก โดยจะตัดกระดูกสันหลังบางส่วนแล้วขยายโพรงกระดูกผ่านกล้อง เพื่อลดความเสี่ยงของกระดูกสันหลังเคลื่อนให้น้อยลง ข้อดีของการผ่าตัดแผลเล็กคือเสียเลือดน้อย ฟื้นตัวเร็ว และย่นระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ป่วย

แค่ดูแลตัวเองก็ห่างไกลโรคนี้ได้

ออกกำลังกายสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-4 วัน เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนหลัง
ไม่ยกของหนักเกินไป เพื่อไม่ให้หมอนรองกระดูกสันหลังรับภาระหนัก
ควบคุมน้ำหนักเพื่อชะลอความเสื่อมของหมอนรองกระดูก

เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่โพรงกระดูกสันหลังจะตีบแคบทับเส้นประสาท ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้แล้ว!

เช็คให้ดี...ปวดหลังเรื้อรังอาจเป็น “โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ”