Protect Influenza in Children by Vaccines

<p>ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในฤดูฝนและฤดูหนาว เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ต้นเหตุคือไวรัสที่มีชื่อว่า “อินฟลูเอนซาไวรัส (Influenza virus)” ที่อยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย และติดต่อผ่านการไอ จาม หรือหายใจรดกัน</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;">รู้จัก เชื้อไข้หวัดใหญ่ ที่เด็กๆ อาจเป็น<strong><br />
</strong></span></h4>
<p>เชื้อไข้หวัดใหญ่มี 3 ชนิดใหญ่ๆ เรียกว่า ชนิด A, B และ C โดยแต่ละชนิดยังแบ่งเป็นพันธุ์ย่อยๆ อีกมาก โดยการเกิดโรคแต่ละครั้งจะเกิดจากพันธุ์ย่อยเพียงพันธุ์เดียว เมื่อเป็นสายพันธุ์ไหนแล้วร่างกายจะมีภูมิต้านทานต่อสายพันธุ์นั้น จึงสามารถติดเชื้อสายพันธุ์ที่ไม่เคยเป็นได้ มีระยะฟักตัว 1-4 วัน</p>
<p>&nbsp;</p>
<p>เชื้อไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์อาจผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำให้เกิดการระบาดใหญ่ และการระบาดแต่ละครั้งจะตั้งชื่อตามแห่งต้นกำเนิด เช่น ไข้หวัดฮ่องกง, ไข้หวัดรัสเซีย, ไข้หวัดสิงคโปร์ และไข้หวัดใหญ่ A H1N1 2009 เป็นต้น</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;">อาการแบบนี้ ต้องสงสัยว่าเด็กเป็นไข้หวัดใหญ่</span></h4>
<ul>
<li>มีไข้สูงเกิดขึ้นทันทีทันใด ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เบื่อ อาหาร ขมในคอ อาจมีอาการเจ็บในคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอแห้งๆ จุกแน่นท้อง แต่บางรายก็อาจไม่มีอาการคัดจมูก หรือเป็นหวัดเลยก็ได้</li>
<li>ไข้สูงกว่าหวัดธรรมดา ประมาณ 38.5-40 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-4 วัน แล้วค่อยๆ ลดลง</li>
<li>ไอ และอ่อนเพลีย อาจจะเป็นอยู่ 1- 4 สัปดาห์ แม้ว่าอาการอื่นๆ จะทุเลา แล้วก็ตาม</li>
<li>หน้าแดง เปลือกตาแดง อาจมีน้ำมูกใส คอแดงเล็กน้อยหรือไม่แดงเลย (ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บคอ) ส่วนมากมักตรวจไม่พบอาการผิดปกติอื่นๆ</li>
</ul>
<h4><span style="color: #00826a;">การรักษา เมื่อเด็กๆ เป็นไข้หวัดใหญ่</span></h4>
<ul>
<li>คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลบุตรหลาน ใกล้เคียงกับการดูแลในขณะที่เด็กๆ เป็นไข้หวัด คือ นอนพักผ่อนมากๆ ห้ามทำงานหนัก ห้ามอาบน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเวลามีไข้สูง กินอาหารอ่อนๆ อย่างข้าวต้มและโจ๊ก รวมทั้งดื่มน้ำเปล่า น้ำหวานหรือน้ำผลไม้มากๆ</li>
<li>ให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้แก้ปวด ยาแก้ไอ ยาแก้หวัด เป็นต้น (ใน เด็กควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน)</li>
<li>กินยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาการรักษาเป็นรายๆ ไป</li>
<li>หากผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย อาจจะต้อง ได้รับยาปฏิชีวนะ โดยผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกหรือเสมหะสีเหลืองหรือเขียว, ไซนัสอักเสบ, หูชั้นกลางอักเสบ, หลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบ เป็นต้น</li>
<li>สังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ เช่น ไข้สูง ซึม หายใจหอบเหนื่อย ผิดปกติ หรือในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง/โรคเรื้อรัง/เด็กเล็กน้อยกว่า 2 ปี/ผู้สูงอายุ ควรดูแลสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด</li>
</ul>
<h4><span style="color: #00826a;">ไข้หวัดใหญ่ในเด็ก ป้องกันได้<strong><br />
</strong></span></h4>
<p>เด็กๆ ทั่วไปที่ร่างกายแข็งแรงดี ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับไข้หวัดทั่วไป โดยให้ล้างมือบ่อยๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือคลุกคลีกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยปิดปาก/จมูก เมื่อออกนอกบ้าน ไม่พยายามเอามือขยี้ตา แคะจมูกหรือเอามือเข้าปาก และควรพาบุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;">ใครบ้าง ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่</span></h4>
<ul>
<li>เด็กอายุ 6-23 เดือน และผู้ที่ใกล้ชิดกับบุคคลที่ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่</li>
<li>ผู้ใหญ่อายุ 55 ปีขึ้นไป</li>
<li>เด็กอายุ 6-18 ปี ที่มีโรคเบาหวาน, โรคไต, โรคเลือด, ภูมิคุ้มกันเสื่อม หรือต้องรักษาด้วยยาแอสไพริน เป็นประจำนานๆ</li>
<li>ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดเรื้อรัง, หอบหืด, โรคหัวใจ, โรคไต, เบาหวาน, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตนเองไม่ได้, ผู้ที่อ้วนมาก</li>
<li>ผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำในปีที่ผ่านมา</li>
<li>ผู้ป่วยที่เคยเป็นปอดอักเสบมาก่อน</li>
<li>บุคคลากรทางการแพทย์, เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการ, เจ้าหน้าที่ในสถานเลี้ยงเด็ก, สถานบริบาลคนชรา, สถานบำบัดผู้ป่วยโรคเรื้อรัง</li>
<li>หญิงมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 3 ของครรภ์</li>
<li>นักทัศนาจร ที่จะเดินทางไปต่างถิ่นที่อาจมีการระบาด</li>
</ul>
<p>*** ในกลุ่มเหล่านี้ควรฉีดวัคซีนทุกปี เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี โดย ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นสูงสุดหลังฉีดวัคซีนประมาณ 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี โดยมีความสามารถในการป้องกันสูงสุดที่ 6-8 เดือนแรก จากนั้นภูมิคุ้มกันจึงค่อยๆ ลดลง ***</p>
<h4><span style="color: #00826a;">ห้ามฉีดวัคซีน ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้</span></h4>
<ul>
<li>เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน</li>
<li>ผู้มีประวัติแพ้ไข่ไก่ชนิดรุนแรง ถ้าแพ้แบบไม่รุนแรง เช่น เป็นผื่นสามารถฉีดวัคซีนได้ แต่ต้องเฝ้าดูอาการอย่างน้อย 30 นาที หลังฉีด</li>
<li>ผู้ที่เจ็บป่วยเฉียบพลัน</li>
<li>มีไข้สูง แต่ถ้าป่วยด้วยโรคเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นข้อห้ามในการฉีดวัคซีน</li>
<li>ผู้ที่มีปฏิกิริยาแทรกซ้อนที่รุนแรง หลังได้รับวัคซีนครั้งที่ผ่านมา</li>
</ul>
<p>&nbsp;</p>
<p>คุณพ่อคุณแม่ควรตระหนักในเรื่องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับลูกน้อยเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป และคนที่อยู่ใกล้ชิดเด็ก เพราะการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สามารถช่วยปกป้องคนที่คุณรักและตัวคุณเองได้</p>
<p></p>

การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในเด็กที่ดีที่สุดคือการดูแลอนามัยส่วนบุคคลและการฉีดวัคซีนป้องกัน

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

ไข้หวัดใหญ่ในเด็ก... ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล