ปวดคอ บ่า ไหล่ ปัญหายอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ(ซินโดรม)

อาการปวดคอ เป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อย โดยเฉพาะกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับการปวดคอ บ่า ไหล่ นี้มักพบมากในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือกลุ่มคนที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ซึ่งถ้าปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการก็อาจจะเรื้อรัง และเพิ่มความรุนแรงจนกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการทำงานได้
&nbsp;
<h2 style="color: #008080">อาการปวดคอ บ่า ไหล่ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ</h2>
<ul>
<li>กลุ่มอาการทั่วไป มักมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น (คิดเป็นร้อยละ 80) เกิดจากกล้ามเนื้อมีความเมื่อยล้าจากการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ</li>
<li>กลุ่มอาการกดทับของเส้นประสาท พบไม่บ่อยมาก แต่ลักษณะอาการรุนแรง มีอาการปวดรุนแรง ตึง ร้าวลงแขน หรือมีอาการชาร่วมด้วย</li>
<li>อาการกดทับของไขสันหลัง รุนแรงที่สุด แต่พบน้อยมาก (ร้อยละ 1-2%)</li>
</ul>
&nbsp;
<h2 style="color: #008080">สาเหตุของอาการปวด แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ตามลักษณะอาการ</h2>
<ul>
<li>การปวดแบบเฉียบพลัน หรืออาการกล้ามเนื้อยอก เคล็ด อาการที่พบได้บ่อยๆ เช่น นอนตกหมอน ลักษณะของอาการคือกล้ามเนื้อมีการตึง เกร็ง หันคอได้ลำบาก เป็นต้น</li>
<li>ปวดแบบกึ่งเฉียบพลัน หรือกลุ่มเรื้อรัง เป็นกลุ่มคนไข้ที่มีประวัติของอาการปวดคอ ปวดกล้ามเนื้อมาก่อน ลักษณะของอาการเกิดขึ้นแบบเป็นๆ หายๆ เกิดขึ้นได้เมื่อมีการใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนักเป็นเวลานานๆ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ไม่เพียงพอ ทำให้กลับมาเป็นได้อีก พบมากในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ</li>
</ul>
&nbsp;
<h2 style="color: #008080">แนวทางการรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรือออฟฟิศซินโดรม</h2>
<ul>
<li>กลุ่มที่มีสัญญาณอันตรายร่วม หรือกลุ่มเฉียบพลัน เช่น มีลักษณะอาการกดทับเส้นประสาท มีประวัติอุบัติเหตุ มีโรคประจำตัว เช่น โรคมะเร็ง โรคกล้ามเนื้อกระดูกและข้อ และในกลุ่มเด็กหรือผู้สูงอายุ ซึ่งลักษณะอาการต่างจากคนทั่วไป ต้องให้แพทย์ทำจากตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุ และวิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม</li>
<li>กลุ่มที่ไม่มีสัญญาณอันตรายร่วม แบ่งการรักษาเป็น 2 วิธี คือ
<ul>
<li>กลุ่มที่ปวดแบบเฉียบพลัน เช่นกล้ามเนื้อยอก กล้ามเนื้อเคล็ด รักษาโดยการให้พักผ่อนอย่างเหมาะสมร่วมด้วยกับการให้ยา และทำกายภาพบำบัด หรือรักษาด้วยวิธีการฝังเข็ม</li>
<li>การรักษาแบบประคับประคอง เป็นกลุ่มที่มีอาการปวดทั่วไป ไม่รุนแรง สามารถรักษาตามอาการ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นต้น แต่หากถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการเรื้อรังที่นานเกินกว่า 6 สัปดาห์ แพทย์อาจมีการพิจารณาตรวจเพิ่มเติม เช่น X-Ray กระดูกคอ เพื่อดูว่ามีอาการเสื่อม เคลื่อน หรือหมอนรองกระดูกยุบหรือไม่?</li>
</ul>
</li>
<li>กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง หรือกลุ่มที่ทำการรักษาด้วยวิธีปกติไม่หาย ต้องมีการทำกายภาพเพื่อลดความเจ็บปวด และเสริมสร้างกล้ามเนื้อเข้าร่วมด้วย เช่น การออกกำลังกายตามโปรแกรมฝึก การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด อย่างการใช้เครื่องประคบร้อน เครื่อง shock wave การใช้ Laser หรือการออกกำลังกายแกนกลางลำตัว และที่สำคัญเมื่ออาการปวดหายแล้วต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการปวดกลับมาเป็นซ้ำได้</li>
</ul>
&nbsp;
<h2 style="color: #008080">ไม่อยากปวดคอ บ่า ไหล่ ป้องกันได้ด้วยวิธีนี้</h2>
<ul>
<li>ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การปรับท่านอน การเดิน ท่านั่ง ให้เหมาะสม</li>
<li>ปรับเปลี่ยนความเหมาะสมของสถานที่ทำงาน เช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้นั่งควรมีพนักพิงและที่วางแขน หรือ ลักษณะท่านั่งทำงาน</li>
<li>การออกกำลังกายที่เหมาะสม คือ การยืดกล้ามเนื้อคอเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ และเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ ด้วยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ เช่น วิ่งหรือว่ายน้ำ เป็นต้น</li>
</ul>
&nbsp;
นอกจากนี้ความเครียดยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมให้อาการปวดเหล่านี้ไม่หาย อาจต้องมีการรักษาทางด้านอารมณ์ และจิตใจ ควบคู่ไปกันด้วยกับการรักษาทางร่างกาย

การนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน หรือการนั่งผิดท่า อาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดคอ บ่า ไหล่ ซึ่งเป็นกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ควรรีบรักษาก่อนเป็นโรคเรื้อรัง

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

ปวดคอ บ่า ไหล่ ปัญหายอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ(ซินโดรม)

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล