โรคเบาหวานกับเทคโนโลยีใหม่ในการรักษา (CGM)

<h4><span style="color: #00826a;">โรคเบาหวานคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร? <strong><br />
</strong></span></h4>
<p>โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน ทำให้หลอดเลือดและร่างกายเสื่อมสภาพ ตามปกติ&#8230; เมื่อเรารับประทานอาหาร ร่างกายก็จะเปลี่ยนอาหารนั้นให้เป็นน้ำตาลกลูโคส และลำเลียงผ่านหลอดเลือดเพื่อนำพลังงานและสารอาหารที่ได้ไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ แต่ถ้าเราเป็นโรคเบาหวาน นั่นหมายถึงร่างกายจะมีความบกพร่องในการเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสให้เป็นพลังงาน จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากภาวะขาดอินซูลิน หรือภาวะดื้ออินซูลิน แต่ในคนไทยจะพบว่าเกิดจากภาวะดื้ออินซูลินซะมากกว่า</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;">อาการและข้อสังเกตของโรคเบาหวาน<strong><br />
</strong></span></h4>
<p>เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจากการเป็นโรคเบาหวาน อาการที่สังเกตได้ชัดคือ ผู้ป่วยจะปัสสาวะบ่อยขึ้น รู้สึกกระหายน้ำมากผิดปกติ น้ำหนักตัวลด และถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากติดต่อกันนานๆ ก็มักจะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มีภาวะไตวายซึ่งอาจทำให้ตัวบวม หรือถ้ามีประวัติเป็นโรคหัวใจมักมีอาการเจ็บหน้าอก นอกจากนี้ยังอาจมีอาการชาปลายมือปลายเท้า เป็นแผลเรื้อรังที่เท้า แต่อาการอาจยังไม่เด่นชัดนักหากเป็นเบาหวานในระยะเริ่มต้น</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;">โรคเบาหวานมีสาเหตุมาจากพันธุกรรม&#8230;หรือพฤติกรรม?<strong><br />
</strong></span></h4>
<p>จากสถิติผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนใหญ่มักเกิดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่มักอุดมไปด้วยแป้งและน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นอาหารมื้อหลัก ขนมหวาน เครื่องดื่มประเภทกาแฟเย็น น้ำหวาน ชานมไข่มุก รวมถึงลักษณะการทำงานที่มีการ Work from Home การนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ทำให้ขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย ทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและมีน้ำหนักตัวมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ง่ายขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพันธุกรรมก็มีส่วนในการเพิ่มโอกาสเป็นโรคเบาหวานด้วยเช่นกัน</p>
<h4></h4>
<h4><span style="color: #00826a;">เทคโนโลยีใหม่ในการติดตามระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้การรักษาโรคเบาหวานประสบความสำเร็จมากขึ้น</span></h4>
<ul>
<li aria-level="1"><span style="color: #00826a;"><strong>ในอดีต</strong></span> การติดตามระดับน้ำตาลของคนไข้ จะต้องใช้วิธีเจาะเลือดที่ปลายนิ้วเพื่อวัดระดับน้ำตาล ซึ่งมีข้อดีคือ ได้ค่าที่ค่อนข้างแม่นยำ แต่มีข้อเสียคือ เวลาเจาะเลือดจะต้องเจ็บตัว ผู้ที่ต้องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดบ่อยๆ ก็ต้องเจ็บตัวบ่อยขึ้น</li>
<li aria-level="1"><span style="color: #00826a;"><strong>ในปัจจุบัน</strong></span> มีวิธีใหม่ที่เรียกว่า Continuous Glucose Monitoring (CGM) หรือการติดตามระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องวัดระดับน้ำตาลในของเหลวระหว่างเซลล์ในเนื้อเยื่อติดมาติดที่บริเวณหน้าท้อง แล้วสอดตัวเซ็นเซอร์เล็กๆ เข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้ทุกๆ 3 นาที อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม. โดยแสดงผลผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ ทั้งยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อให้รู้ว่ามีน้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไป ทำให้ตัวผู้ป่วยและญาติทราบผลแบบเรียลไทม์ เพื่อการปรับการรับประทานหรือการใช้ยาในกรณีฉุกเฉิน</li>
</ul>
<h4><span style="color: #00826a;">ใครบ้างที่ควรมี&#8230;เครื่องวัดระดับน้ำตาล CGM ติดตัว?<strong><br />
</strong></span></h4>
<p>เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง CGM เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และ 2 แต่สำหรับความจำเป็นในการมีเครื่องนี้ไว้ใช้ อาจพิจารณาให้เฉพาะเจาะจงลงไปถึงรายละเอียด ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานที่ควรใช้เครื่องนี้ คือผู้ป่วยเบาหวานที่มีลักษณะดังต่อไปนี้</p>
<ul>
<li aria-level="1">มักมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อยๆ</li>
<li aria-level="1">ยังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีเท่าที่ควร</li>
<li aria-level="1">แพทย์แนะนำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเข้มงวด</li>
<li aria-level="1">ต้องการทราบระดับน้ำตาลในเลือดตัวเองบ่อยๆ หรือตลอดเวลา</li>
<li aria-level="1">ไม่อยากยุ่งยากและเจ็บตัวจากการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วบ่อยๆ</li>
<li aria-level="1">ญาติต้องการดูแลอย่างใกล้ชิด และไม่อยากให้เกิดภาวะเสี่ยงฉุกเฉิน</li>
</ul>
<h4><span style="color: #00826a;">นอกจากเทคโนโลยีใหม่แล้ว ยังมีการรักษาที่ดีขึ้นอย่างไร?<strong><br />
</strong></span></h4>
<p>ในปัจจุบันการรักษาโรคเบาหวานได้พัฒนาขึ้นมาก เช่น มีการใช้ยากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งนอกจากจะมีฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ยาบางชนิดยังมีประโยชน์ในการรักษากลุ่มผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น</p>
<ul>
<li aria-level="1">ช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดจากเบาหวาน</li>
<li aria-level="1">ช่วยชะลอภาวะไตเสื่อมของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน</li>
<li aria-level="1">ช่วยลดภาวะโปรตีนรั่วในผู้ป่วยโรคไตเสื่อมจากเบาหวาน</li>
</ul>
<p>ทั้งยากลุ่มใหม่บางชนิดยังช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงได้ ซึ่งก็เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานที่มีน้ำหนักตัวมากหรือมีภาวะน้ำหนักเกิน ส่วนในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ที่มีประวัติน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อยๆ นั้น ยากลุ่มใหม่บางชนิดก็ไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานที่มีภาวะดังกล่าวสามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ที่ดูแล เพื่อปรับการรักษาหรือการใช้ยาให้เหมาะสมมากขึ้นได้</p>
<p>&nbsp;</p>
<p>การซื้อยากินเองโดยไม่ได้ติดตามผลหรือได้รับการรักษาจากแพทย์เป็นระยะเวลานาน มักทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยหวานทุกคนควรได้รับการดูแลรักษาจากอายุรแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเบาหวาน ทั้งในปัจจุบันยังมียากลุ่มใหม่ๆ ที่ให้ผลการรักษาที่ดีและลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานได้ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ใช้ในการติดตามระดับน้ำตาลก็ดีขึ้น จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อการวางแผนการรักษา</p>
<p>&nbsp;</p>
<p style="text-align: right;"><span style="color: #00826a;"><strong>นพ.รัฐพงศ์ จิวะรังสินี</strong></span><a href="https://shorturl.asia/DMXOa"><br />
</a>อายุรแพทย์หัวหน้าศูนย์เบาหวาน และต่อมไร้ท่อ<br />
โรงพยาบาลพญาไท 3</p>


Continuous Glucose Monitoring คือการวัดระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่องในผู้ป่วยเบาหวานด้วยการสอดตัวเซ็นเซอร์เล็กๆ เข้าไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง ซึ่งมีประโยชน์มากต่อผู้ป่วยและการวางแผนการรักษา

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

โรคเบาหวานกับเทคโนโลยีใหม่ในการรักษา (CGM)

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล