วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ (สำหรับผู้ใหญ่)

ทำไมเราต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ แล้วจำเป็นต้องฉีดทุกปีหรือไม่?

ไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยมีอัตราเสียชีวิตสูงในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะช่วยลดความรุนแรงจากการป่วย ลดการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรคไข้หวัดใหญ่ และลดการแพร่กระจายโรคไข้หวัดใหญ่ได้ดี

 

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่…จำเป็นต้องฉีดทุกปี!

เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อยๆ ในการผลิตวัคซีนแต่ละปี…จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตามเชื้อไวรัสด้วยเช่นกัน!! เพื่อให้ครอบคลุมเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุ และหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 สัปดาห์ ร่างกายจะมีการสร้างภูมิคุ้มกันโรคประมาณ 1 ปี ดังนั้น เพื่อป้องกันร่างกายจากไข้หวัดใหญ่ เราจึงควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี!!

 

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ 13 สายพันธุ์ กับ 23 สายพันธุ์ (สำหรับผู้ใหญ่)

วัคซีนปอดอักเสบ 13 สายพันธุ์ กับ 23 สายพันธุ์ แตกต่างกันอย่างไร ?

1. วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ 13 สายพันธุ์

• ครอบคลุม 13 สายพันธุ์
• ภูมิคุ้มกันสูงและอยู่ได้นาน
• แนะนำในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
• ผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง (ภูมิคุ้มกันปกติ)
• ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
• ฉีดเป็นตัวแรก
• ฉีด 1 เข็ม

2. วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ 23 สายพันธุ์

• คลอบคลุม 23 สายพันธุ์
• ภูมิคุ้มกันอยู่ได้ 2 – 4 ปี
• แนะนำในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
• ผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง (ภูมิคุ้มกันปกติ)
• ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
• ฉีดต่อจาก 13 สายพันธุ์ ห่างกัน 8 สัปดาห์ – 1 ปี
• 2 เข็ม (เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 5 ปี)

 

ประโยชน์ของวัคซีน

1. ป้องกัน และลดความรุนแรงการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และปอดอักเสบ

2. ลดการเกิดโรคทางเดินหายใจที่อาการคล้ายกับโรคโควิด – 19 ซึ่งจะทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก

 

กลุ่มเสี่ยงที่แนะนำให้ฉีดวัคซีน

1. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคปอด โรคไต โรคหัวใจ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้ยากดภูมิคุ้มกัน เคยผ่าตัดม้าม

2. ผู้ใกล้ชิดกับผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือใกล้ชิดกับเด็ก

3. ผู้สูงอายุ

 

คำแนะนำการรับวัคซีน

1. ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ที่ไม่เคยได้ฉีดวัคซีนปอดอักเสบ ควรฉีดวัคซีนชนิด 13 สายพันธุ์ 1 เข็ม ตามด้วยชนิด 23 สายพันธุ์ 1 เข็ม ระยะเวลาห่างกัน 1 ปี

2. ในกรณีอื่นๆ ควรเข้ารับคำปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

 

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี 3 เข็ม

ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี (Hepatitis B virus; HBV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่อันตรายอย่างยิ่ง หากได้รับเชื้อแล้วไม่ได้รับรักษา อาจนำไปสู่การอักเสบเรื้อรัง ตับวาย ตับแข็ง และมะเร็งตับ

 

วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี เหมาะสำหรับใครบ้าง?

1. ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่ทำงานในสถานพยาบาล

2. ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง

3. ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ได้รับการฟอกไต

4. ผู้ป่วยที่ได้รับเลือดบ่อยๆ

5. ผู้ที่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น

6. ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค

7. ผู้ที่เสี่ยงต่อโรคเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทางพฤติกรรมทางเพศ เช่น รักร่วมเพศ มีคู่นอนหลายคน

 

ข้อแนะนำ

1. หลังจากได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม ประมาณ 1-2 เดือน ควรเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่ามีภูมิคุ้มกัน

2. ไวรัสตับอักเสบบี หากยังไม่มีภูมิต้านทาน ควรฉีดวัคซีนเพิ่มตามคำแนะนำของแพทย์

 

หมายเหตุ

1. ราคาดังกล่าว สำหรับผู้ที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น

2. ราคาดังกล่าว สำหรับผู้ที่มีอายุ ตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป

3. ราคาดังกล่าว รวมค่าแพทย์ ค่าบริการพยาบาล และค่าบริการโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

4. กรุณานัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการได้ที่ ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 1 โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ โทร. 0-2944-7111 ต่อ 1112#

 

เงื่อนไขการเข้ารับบริการ

1. กรุณาตรวจสอบความถูกต้องก่อนกดสั่งซื้อโปรแกรม สาขาที่ต้องการเข้ารับบริการและชำระเงิน เนื่องจากกดสั่งซื้อแล้วไม่สามารถคืนเงินได้

2. โปรแกรมดังกล่าวไม่สามารถเปลี่ยนเป็นโปรแกรมอื่นได้

3. ก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง แนะนำให้ทำนัดล่วงหน้าผ่าน โทร. 02-944-7111, LINE : @phyathainawamin, Application Health Up

4. วันเข้ารับบริการ กรุณาแสดง ใบยืนยันคำสั่งซื้อ หรือแจ้งเลขออเดอร์ ก่อนเข้ารับบริการตรวจ